หมึกพิมพ์ประเภทไหน ปริ้นเตอร์แบบไหน ที่เหมาะกับงานของเรา??

คนที่ทำธุรกิจแทบทุกคนส่วนใหญ่หนีไม่พ้นการพิมพ์หรือการปริ้นท์งานสารพัดรูปแบบ ถ้างานธรรมดาทั่วไปที่สามารถสั่ง ปริ้นท์ในออฟฟิศได้ก็ไม่กังวลมาก แต่ถ้าหากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจเฉพาะด้านหรือหากวันไหนต้องการงานพิมพ์ในรูปแบบลักษณะพิเศษก็อดกังวลไม่ได้ว่าจะใช้เครื่องพิมพ์แบบไหน

ที่ทำให้ตัวงานออกมาดีที่สุด ดังนั้นลองมาดูกันเลยว่าหมึกพิมพ์นั้นมีกี่ประเภทและแบบไหนเหมาะกับงานประเภทใดบ้าง เวลาตัดสินใจซื้อเครื่องพิมพ์ จะได้ซื้อได้ถูกประเภทกับงานที่เราต้อการ

โดยหลักแล้วหมึกพิมพ์จะแบ่งเป็นประเภทหลักๆ อยู่ 2 ประเภทคือ Dye-based ink และ Pigment ink ซึ่งจะต้องมีตัวทำละลาย (Solvent) ที่ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำมาช่วยเสริมทัพ นอกจากนี้หมึกพิมพ์สำหรับเชิงพาณิชย์ก็จะถูกซอยแบ่งออกไปเป็นประเภทย่อยๆ อีกหลายรูปแบบ

Dye-based ink

หมึกประเภทนี้เป็นหมึกที่ค่อนข้างมาตรฐาน เพราะสามารถใช้กับเครื่องพิมพ์ทั่วไปตามบ้านหรือออฟฟิศได้เนื่องจากมีราคาที่ย่อมเยา หมึก Dye-based ink เป็นหมึกพิมพ์ที่มีส่วนผสมของน้ำเป็นหลัก มีเม็ดสีขนาดเล็กและแน่น ดังนั้นความหนาแน่นของสีจึงค่อนข้างเข้มข้น สามารถดูดซึมกับกระดาษหรือพื้นผิวได้ดี ทำให้สร้างผลลัพธ์งานพิมพ์ด้วยสีสันที่สดใสและชัดเจน แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าตัวหมึกสามารถละลายในน้ำ ทำให้ตัวหมึกอาจจะไม่คงทนเท่าไหร่ แต่ด้วยราคาที่คุ้มค่า รวมถึงคุณสมบัติข้ออื่นๆ ก็ทำให้ Dye-based ink ถูกเลือกใช้ในงานพิมพ์กับเครื่องประเภท Ink jet ที่ใช้สำหรับงานพิมพ์ทั่วไป รวมถึงการใช้พิมพ์รูปถ่ายด้วย

ข้อควรระวัง: ด้วยลักษณะของหมึกที่ละลายในน้ำ ทำให้ตัวหมึกอาจจะมีการซึมได้ง่าย ดังนั้นควรเลือกใช้เครื่องพิมพ์แบบแห้งเร็ว หรือแนะนำให้ใช้กระดาษเคลือบพิเศษด้วยการเคลือบแบบมีประจุ เพราะตัวหมึกนั้นไม่กันน้ำและอาจจะทำให้ภาพสวย ๆ ลบเลือนจางหายไปได้ ซึ่งระดับความคงทนอยู่ที่ราวๆ 5-25 ปี ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาด้วยเช่นกัน

Pigment ink

ถึงจะมีราคาที่สูงกว่าหมึกธรรมดาทั่วไป แต่ในแง่ของความคงทนนั้น Pigment ink ถือว่ามีความคุ้มค่ามากๆ เพราะถูกพัฒนาให้เป็นหมึกกันน้ำซึ่งไม่ได้ถูกดูดซึมเหมือนกับหมึก Dye-based ink ทำให้สามารถสร้างสีที่มีความคงทนให้แก่ตัววัตถุที่พิมพ์ โดยทั่วไปนั้น Pigment ink มักจะมีโทนสีที่กว้างกว่าหมึกแบบอื่นๆ ด้วยอนุภาคเม็ดสีขนาดเล็กและไม่สลายตัวได้ง่ายเมื่อถูกผสมกับของเหลวอย่างน้ำ ทำให้หมึกประเภทนี้มีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่ซีดจางลงง่ายๆ หากเทียบกับหมึกประเภท Dye-based ink ดังนั้นหากใครมองหาหมึกพิมพ์ที่สามารถให้ภาพที่แจ่มชัดและเก็บได้อย่างยาวนานก็ขอแนะนำ Pigment ink โดยจากการศึกษาวิจัยพบว่าสามารถเก็บไว้ได้ยาวนานเป็นหลักร้อยปีเลยทีเดียว

ข้อควรระวัง: สีของ Pigment ink อาจจะไม่สดใสเท่ากับสีแบบ Dye-based ink นอกจากนี้ตัวหมึกประเภทนี้ยังไวต่อการเกิดออกซิเดชั่นซึ่งหากจะทำให้สีซีดลงได้บ้างแต่ก็เก็บรักษาได้ยาวนานและคงทนกว่าหมึกแบบ Dye-based ink

Aquoeous

เป็นหมึกแบบ Dye-based ink ชนิดหนึ่ง ที่เน้นเรื่องสีสันสดใสและความสว่าง มีราคาที่ค่อนข้างย่อมเยา แต่ตัวสีอาจจะซีดจางได้ตามกาลเวลา แนะนำให้ใช้กับกระดาษที่มีการเคลือบเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำหมึก งานที่นิยมใช้กับหมึกประเภทนี้มักจะเป็น ผืนผ้าใบ รูปถ่าย โปสเตอร์ เป็นต้น ยังไงแนะนำให้หลีกเลี่ยงงานที่ต้องติดตั้งกลางแจ้ง โดนแสงแดดและน้ำ ซึ่งสามารถทำปฏิกิริยากับตัวหมึกได้ง่าย

Dye Sublimation

หมึกประเภทนี้จะเน้นงานที่ทำลงบนผ้าโพลีเอสเตอร์หรือวัตถุที่มีการเคลือบแข็ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นงานพิมพ์แบบอุตสาหกรรมเป็นหลัก โดยหลักการใช้แม่สีหลักอย่าง C M Y การใช้งานส่วนใหญ่จะเหมาะกับการพิมพ์สิ่งทอ รวมถึงพื้นผิวที่เรียบหรือมีการเคลือบอย่าง เคสโทรศัพท์มือถือ

Strong solvent

หมึกแบบนี้ใช้กันแพร่หลายมากเพราะมีความคงทนและเม็ดสีที่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะใช้กับงานป้ายบิลบอร์ดกลางแจ้งและการพิมพ์ลงบนพลาสติก โดยทั่วไปแล้วอายุการใช้งานกลางแจ้งจะอยู่ที่ราวๆ 5 ปี แต่ข้อเสียคือ กลิ่นที่ค่อนข้างฉุน ดังนั้นจึงควรใช้ระบบพิมพ์แบบเปิดเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี และไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน

Eco solvent

จัดว่าเป็นหมึกที่เกิดขึ้นมาในยุคหลังปี 2000 เพราะเน้นการนำไปใช้แบบทางเลือก เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ดังนั้นจึงจะมีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงกว่าหมึกประเภทอื่นๆ ทั่วไปตามท้องตลาด งานที่ใช้พิมพ์ส่วนใหญก็จะเป็นพวกป้ายต่างๆ หรือ บิลบอร์ดกลางแจ้งเป็นต้น

หากไม่มั่นใจว่าชิ้นงานของคุณควรใช้หมึกพิมพ์ประเภทไหน ก็สอบถาม V Mount & Trim ดูก่อนได้นะคะ อย่างน้อยจะได้ไอเดียในการพิมพ์งาน รวมถึงมั่นใจว่าผลงานที่ได้จะผลิตออกมาตรงตามเป้าหมายและมีคุณภาพที่สุดค่ะ

Similar Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *