อยากได้งานพิมพ์ภาพระดับมาสเตอร์พีซแวะมาอ่านตรงนี้ด่วน!
เห็นงานภาพถ่ายตามนิทรรศการหรืองานแสดงภาพระดับมาสเตอร์พีซที่ถูกจัดโชว์อย่างประณีตบรรจงในพิพิธภัณฑ์แล้วนั้น หลายๆ คนคงเคลิ้มไปกับความสวยงามที่ศิลปินต้องการสื่อ และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ สีสันที่สวยงามและสุดแสนจะคมชัด ทำให้พวกเราต่างประทับใจไม่รู้ลืมกันเลยทีเดียว ดังนั้นหลายคนคงมีคำถามในใจว่า “เค้าผลิตงานพิมพ์ยังไงให้ออกมาดีขนาดนั้น” เพราะแน่นอนว่า ไม่ว่าช่างภาพหรือคนที่ชอบถ่ายรูปอย่างเราๆ ท่านๆ ต่างก็ฝันไว้ว่าอยากได้งานดีๆ แบบนั้นมาสะท้อนผลงานของตัวเอง ดังนั้นถัดจากฝีมือการถ่ายรูป สิ่งสำคัญที่ต้องเริ่มคำนึงถึงเลยคือ คุณภาพของภาพที่พิมพ์ออกมาจากเครื่อง Printer สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างภาพพิมพ์ที่มีคุณภาพสูงระดับงานมาสเตอร์พีซ แสดงทั้งฝีมือและความเป็นมืออาชีพของช่างภาพ และนอกจากจะสร้างความประทับใจแล้ว เครื่อง Printer ที่ดีสามารถพิมพ์ผลิตผลงานที่ทำให้สามารถเก็บรักษาได้ในระยะยาว ให้คงทน สีไม่ซีดจาง
แต่ก่อนที่จะเล่ายาวไปถึงคุณสมบัติของ Printer หรือเครื่องพิมพ์ที่เหมาะสมกับการพิมพ์รูปถ่ายคุณภาพสูง สิ่งที่เราไม่ควรพลาดเลยคือ เรื่องของการกำหนด Resolution หรือพิกเซล (บล็อกสี) เพราะคุณสมบัติของ Resolution จะเป็นตัวกำหนดรายละเอียดของรูปภาพความคมชัดของรูปภาพ
- 250kb – 500kb เหมาะกับงานภาพขนาดเล็ก
- 500kb -1mb ใช้งานได้สูงสุดถึงขนาด A7 – หนึ่งในแปดของแผ่น A4 (74 x 105 มม.)
- 1mb -1.5mb สูงสุดขนาด A6 – หนึ่งในสี่ของ A4 (105 x 148 มม.)
- 1.5mb – 2mb สูงสุดขนาด A5 – ครึ่ง A4 (148 x 210 มม.)
- 3.5mb ถึง A4 (210 x 297 มม.)
- 6mb + A3 หรือสูงกว่า (297 x 420 มม.)
หลังจากเข้าใจในเรื่อง Resolution ของภาพแล้ว มาต่อกันที่เรื่อง Printer กันเลย เอาจริงๆ ในตลาดมี Printer สารพัดยี่ห้อ ทำให้ยากจะตัดสินใจเพราะต่างก็เคลมฟีเจอร์และฟังก์ชั่นเด็ดๆ มาไม่แพ้กัน แต่ถ้าไม่อยากพลาดในเรื่องการตัดสินใจ ขออธิบายในเรื่องของการพิมพ์ภาพกันให้เห็นแบบเบื้องลึกเบื้องหลังเพื่อจะได้ช่วยให้พวกเราวิเคราะห์และตัดสินใจได้ดีที่สุด
ภาพพิมพ์คุณภาพสูงนั้นจะเรียกกันว่า Giclee Prints หรือ Archival Prints เพราะด้วยศักยภาพของเครื่องPrinter สีสัน ความคงทนของภาพ รวมถึงคุณภาพโดยรวมของผลงานที่ได้รับ เปรียบได้กับงานระดับมาสเตอร์พีซในแกลอรี่หรือพิพิธภัณฑ์ โดยตัวผลงานที่ผ่านการพิมพ์จะเป็นเหมือนงานศิลปะที่ล้ำค่าอีกชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้
คำว่า Giclee (จี-เคล่) มาจากรากศัพท์ฝรั่งเศสคำว่า “Gicler” ที่มีความหมายว่า “พ่น” ซึ่งสอดคล้องกับเทคโนโลยีการพิมพ์ระบบดิจิตอลที่ถูกพัฒนาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ที่พยายามพัฒนาทั้งในเรื่องความสม่ำเสมอของการปล่อยหยดหมึก ความคงทนของภาพ รวมถึงตัววัสดุที่ใช้พิมพ์ เพื่อให้งานพิมพ์มีความคงทน ไม่ซีดจาง คำว่า Giclee จึงถูกนำมาใช้เรียกงานพิมพ์ที่มีคุณภาพ สามารถเก็บรักษาได้ยาวนานนับร้อยปี ภาพมีมิติเหมือนภาพเขียนจริงจากศิลปิน จนแยกไม่ออกว่าชิ้นไหนคืองานต้นฉบับ
แต่หลายคนคงสงสัยว่า แล้วงานพิมพ์แบบไหนถึงจะเข้าข่ายระดับ Giclee Prints หรือ Archival Prints โดยมาตรฐานแล้ว งานพิมพ์ Gicleeจะต้องเข้าตามเกณฑ์มาตรฐานอย่างน้อย 3 ประการดังต่อไปนี้
1. Resolution ของภาพขั้นต่ำควรเป็น 300 PPI (Pixels Per Inch)
2. เลือกกระดาษคุณภาพสูง เช่น Cotton 100%, Acid free หรือระบุว่า Archival สำหรับกระดาษประเภท Acid free จะทำให้สามารถเก็บภาพถ่ายได้ยาวนานขึ้น
3. ปัจจัยสุดท้ายคือ การเลือกใช้หมึกและเครื่องพิมพ์ งานพิมพ์ที่มีคุณภาพระดับสูง มีปัจจัยหลักมาจากกระบวนการในการพิมพ์ ซึ่งแน่นอนว่าการพิจารณาเลือกใช้เครื่องพิมพ์หรือ Printer นั้นก็ควรจะใส่ใจอย่างจริงจัง โดยหลักก็ควรจะใช้เครื่องพิมพ์ที่เหมาะสมกับงานประเภทนี้โดยเฉพาะ ส่วนใหญ่ควรเน้นไปที่คุณสมบัติอย่างเช่น หัวพิมพ์ที่สามารถรองรับ Archival pigment และงานพิมพ์ที่มีรายละเอียดและคุณภาพสูงได้เป็นอย่างดี เครื่องพิมพ์ที่พิมพ์งาน Giclee โดยมากเป็นเครื่องที่ใช้หมึก Pigment เนื่องจากชิ้นงานมีความคงทน อยู่ได้ 100 – 200ปี โดยที่ภาพไม่เลือนหาย หมึกที่ใช้ควรอยู่ที่ 8 – 12 สี ยิ่งมีสีมาก ช่วงสีของภาพก็จะยิ่งกว้างมากขึ้น
ถ้าใครยังนึกไม่ออกว่าจะใช้ Printer รุ่นไหนในการพิมพ์งานระดับ Giclee Prints แบบนี้ Vmount ขอแนะนำ Epson SureColor SC-P6000, SC-P8000, SC-P9530, SC-P7530, SC-SC-P10070 และ SC-P20070 เครื่องพิมพ์องิค์เจ็ทหน้ากว้างตั้ง 24 นิ้วจนถึง 60 นิ้ว ซึ่งสามารถสร้างสรรค์งานพิมพ์ภาพระดับมาสเตอร์พีซได้อย่างรวดเร็ว
หากมีคำถามหรือข้อสงสัยใดเพิ่มเติม สามารถฝากคำถามไว้ได้ทุกช่องติดต่อของ Vmount เลยนะครับ หรือหากต้องการให้ Vmount เขียนข้อมูลเรื่องใด ก็สามารถฝากข้อความไว้ได้เช่นกันครับ ที่ Facebook และ Line Official @vmountandtrim