“Metaverse” เปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร และทำไมเราต้องสนใจ?
หลังจาก มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Meta และกล่าวถึง Metaverse ว่า เขาจะมุ่งมั่นและเดิมพันกับมันต่อจากนี้ไป เรียกได้ว่ากระตุกต่อมอยากรู้ของผู้ใช้เฟซบุ๊กไม่แพ้กัน!
.
ซึ่งมองเผิน ๆ อาจดูว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่เปลี่ยนชื่อบริษัทเฉย ๆ แต่ Metaverse จะกลายเป็นฮับของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งจะถูกลดขนาดเป็นบริษัทลูก ภายใต้การดูแลของ Meta แทน ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม Facebook , Facebook Messenger , Instagram , WhatsApp หรือแม้กระทั่งธุรกิจ AR , VR และ Metaverse
.
Metaverse คือ ชุมชนโลกเสมือนของผู้คนในโลกอินเทอร์เน็ต มีลักษณะเป็นพื้นที่ดิจิทัล ซึ่งเปรียบเสมือนเราได้อาศัยอยู่บนโลกอีกใบหนึ่ง! ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของโลกแห่งความจริง (AR) และเทคโนโลยีโลกเสมือน (VR) ผสานเข้าด้วยกันแบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยี 5G
.
แม้จะเป็นเทคโนโลยีที่ดูไกลตัวเรามาก ๆ แต่ก็มีคนบางกลุ่มไม่น้อยที่เข้าถึงเรียบร้อยแล้ว! ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ Metaverse ก็ไม่ไกลตัวเราเลยสักนิด เพราะมันอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและกลายเป็นเรื่องปกติที่เราคุ้นเคย เพราะพวกเราเยือนโลกเสมือนโดยอัตโนมัตินั่นเอง! แล้วเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้เราต้องสนใจสิ่ง ๆ นี้
1. ช่องทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ
เกิดช่องทางการสร้างรายได้จำนวนมากบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น การขายงานศิลปะแบบ NFT , การลงทุนเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี หรือ การซื้อขายของบนออนไลน์ ซึ่งเหล่าเกมเมอร์ได้เข้าสู่โลกของ Metaverse เรียบร้อยแล้ว ทั้งการทำเกม NFT หรือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในเกมเพื่อขายและทำเงิน ถือเป็นช่องทางการหาเงินในอนาคตที่น่าสนใจ”การทำธุรกรรมทางการเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัล” ก็เป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจ เพราะในโลก Metaverse สามารถเชื่อมคนจากทั่วทุกมุมโลก และช่วยลดข้อจำกัดสกุลเงินในการซื้อขาย ทำให้คนทั่วโลกสามารถใช้เงินสกุลเงินเดียวกันในการซื้อขายได้
2. การเกิดอาชีพใหม่ ๆ
การอยู่บนโลกเสมือนทุกคนสามารถสร้างตัวตนได้ตามความต้องการและความสามารถ โดยสร้างพื้นที่ดิจิทัลขึ้นมา ซึ่งมีคนทำงานด้าน IT ออกแบบระบบ เขียนโปรแกรม ดูแลระบบ เป็นผู้ดูแลหลักและจัดการพื้นที่ดิจิทัลอย่างปลอดภัย ช่องทางหารายได้บนโลกดิจิทัลอาจกลายเป็นธุรกิจ ที่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำและคำปรึกษา โดยไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ บนโลกเสมือนจะคล้ายคลึงกับโลกจริง และแน่นอนว่าอาชีพใหม่ ๆ จะเกิดขึ้น เพื่อตอบสนองและสอดคล้องกับการใช้ชีวิตบนโลกเสมือน
3. ตอบโจทย์ชีวิตแบบ New Normal
โรคระบาดเร่งให้เราก้าวสู่โลกดิจิทัลเร็วขึ้น จนมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต พฤติกรรมบนออนไลน์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด เพราะ New Normal คือ ไม่ใช่วิถีชีวิตใหม่ แต่เป็นวิถีชีวิตที่เราเคยชินแล้ว เรายังช้อปปิ้งออนไลน์ ประชุมผ่านแอปพลิเคชัน Work form Home และใช้สกุลเงินดิจิทัลในการทำธุรกรรม รวมทั้งพฤติกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย Metaverse ก็จะทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์โรคระบาดและพฤติกรรมของมนุษย์ เพื่อเตรียมพร้อมสู่โลกเสมือนและการใช้ประโยชน์อย่างจริงจังในอนาคต
4. การพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ และประโยชน์ที่ได้รับ
บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งทั่วโลกก้าวสู่สนาม Metaverse เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตบนโลกเสมือน นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตามมาอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการขยายตัวของ Metaverse เพื่อการใช้งานได้จริงอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งเรื่องความเสถียรของฮาร์ดแวร์และอินเทอร์เน็ต ที่จำเป็นต่อการใช้งานของโลกจริงกับโลกเสมือน เกิดการแข่งขันกัน เพื่อให้ผู้บริโภคได้สิ่งที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายปี
5. ข้อจำกัดด้านระยะทาง
เทคโนโลยีทำให้ตัวเราสามารถจำลองตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ ได้ แม้ความจริงร่างกายตัวเป็น ๆ ของเราจะอยู่ที่บ้าน เพราะ Metaverse รองรับการเดินทางในทุก ๆ ที่ ซึ่งโลกเสมือนช่วยทำให้ข้อจำกัดของการเดินทาง หรือระยะทางไกล ๆ หมดไป โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปด้วยตนเอง และสามารถใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้ ทั้งการแพทย์เพื่อการผ่าตัดทางไกล ด้านวิศวกรรมที่สามารถออกคำสั่งจากทางไกลในการปฏิบัติงาน ด้านการท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ ด้านงานเฟสติวัลหรือคอนเสิร์ตที่จัดแบบเสมือนจริง ด้านอีคอมเมิร์ซที่สามารถทดลองสินค้าและผลิตภัณฑ์โดยไม่ต้องไปร้านค้า หรือแม้กระทั่งด้านไลฟ์สไตล์อื่น ๆ ที่พาไปเจอเพื่อน ๆ บนโลกเสมือน